วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

[Movies] THOR & ลัดดาแลนด์ เรื่องไหนดี

THOR & ลัดดาแลนด์ >mini review


วันนี้มีโอกาสได้ไปดูหนัง 2 เรื่องควบ 39 เอ้ย ไม่ใช่ครับ เห็นจากพาดหัวก็พอจะทราบแล้วใช่ไหมครับว่า 2 เรื่องที่ว่านี้คืออะไรบ้าง THOR กับ ลัดดาแลนด์นั่นเอง บรรยากาศวันนี้คนก็แน่นโรงกันทีเดียวครับ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ก็กำลังฮิตกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะลัดดาแลนด์ที่มีกระแสดี เพราะอิงมาจากเรื่องจริงนั่นเอง




THOR เทพเจ้าสายฟ้า

     เริ่มกันที่เรื่อง THOR ก่อนละกันครับ สำหรับเนื้อเรื่องและบทนั้นดูไม่มีอะไรหวือหวา หรือเหนือความคาดหมายมากนักครับ แต่สำหรับภาพ เอฟเฟค กราฟฟิค ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ ฉากต่อสู้แอคชั่นก็พอไปได้ แต่ออกจะมีแนวดราม่าเยอะสักหน่อยนึงครับ ดราม่าที่ว่าก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ(โอดิน กษัตริย์แห่งแอสการ์ด) น้องชาย(โลกิ) และคนรัก ครับผม ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือพยายามดึงเรื่องเทพเจ้าเข้าไปอิงกับวิทยาศาสตร์ได้ครับ ทำให้ดูสมจริง น่าสนใจขึ้นมานิดนึง ส่วนฉากที่ผมชอบ คือฉากตอนที่ THOR ได้ ค้อนคืนมาครับซึ่งเป็นฉากที่ THOR ได้พลังกลับคืนมานั่นเอง(หลังจากถูกเนรเทศเป็นมนุษย์) เพราะรู้สึกเหมือน หงอคงได้กระบองวิเศษ หนุมานได้ตรีศูร มีพลังขั้นเทพแล้วนั่นเอง ว่าไปนั่นนนน  สำหรับคอหนังที่ชอบแนวแฟนตาซี สเปเชี่ยลเอฟเฟคสวยๆ แล้วละก็ลองไปชมดูกันนะครับ แต่สำหรับคนที่คิดว่าจะได้พบกับฉากแอคชั่นเยอะหน่อย อาจผิดหวังก็ได้ครับผม

     หนังเรื่องนี้จะมีเครดิตท้ายเรื่องอยู่นิดหน่อยนะครับ (รอนานหน่อย ท้ายเรื่องจริงๆ) ซึ่งจะเป็นฉากต่อเนื่องไปถึงหนังเรื่องใหม่ คือ The Avengers นั่นเองครับ
เกรดหนัง: B



ลัดดาแลนด์

       สำหรับ หนังกระแสแรงตอนนี้อีกเรื่อง ก็คงยกให้ลัดดาแลนด์ หนังผีที่อิงมาจากเรื่องจริงนั่นเองครับ โดยตัวละครหลักของหนัง คือครอบครัวตัวเอก น่าจะถูกดัดแปลงและสร้างขึ้นมาใหม่หมดครับ เพราะมีทั้ง BB สถานการณ์ปัจจุบัน คือเนื้อเรื่องไม่ได้ย้อนยุคไปสมัยเหตุการณ์ลัดดาแลนด์ จริงๆในสมัยก่อนเมื่อ 20-30 ปีก่อนครับ แต่สำหรับ ความสยองขวัญของ ... นั่นแหละครับ น่าจะหยิบมาเค้าโครงมาจากเรื่องจริงครับ ลองไปหาอ่านดูใน Google นะครับผม เจ้าของ Blog ไม่กล้าเขียนอะ T^T  โอเค ต่อไปเข้าไปพูดเรื่องหนังกันดีกว่า สำหรับบท กับเนื้อเรื่องนั้น ใส่ความดราม่า ลงไปด้วยครับ นั่นก็คือความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวตัวเอก ความสัมพันธ์ระหองระแหงระหว่าง ที(รับบทเป็นพ่อ) กับ แม่ยาย และลูกสาว  ส่วนฉากที่หลอนก็หลอนซะจริงๆครับ ฉากดราม่า ก็ดราม่ามากๆ สลับกันไปมาครับผม เรื่องนี้ต้องยกนิ้วให้สำหรับฉากที่ใช้เสียงเอฟเฟค ภาพ ลูกเล่นต่างๆ ที่ทำให้คนดูตกใจได้เยอะมากครับ ผมจำได้ว่าเวลาถึงฉากหลอนแบบกดดันสุดๆ แล้วมีฉากตอนเช้ามากั้นนี่ คนดูถึงกับถอนหายใจโล่งอกกันทั้งโรงเลยทีเดียว แต่หนังก็ได้ทิ้งปมไว้หลายๆอย่างครับ ถ้าคนคิดมากอาจจะงงไปเลย ว่าเอ๊ะ ทำไม ยังไง แต่ผมว่าเจอฉากตกใจเยอะขนาดนั้น คนส่วนใหญ่คงไม่มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้หรอกครับ ฮ่าๆ สำหรับคนจิตแข็งขอแนะนำอย่าไปดูนะครับ เดี๋ยวไม่คุ้มครับ ส่วนฉากที่ผมชอบนั้น คงเป็นฉากท้ายเรื่องที่ลูกสาวของที โดดข้ามรั้วเข้าไปหาผ้าเช็ดหน้าในบ้านหลังข้างๆ แล้วดันก้มลงไปมองใต้ราวตากผ้า ทันใดนั้น ก็มี............. และ........ เอ่อ นั่นแหละครับ ฮ่าๆ  นอกจากนี้ยังแฝงไปด้วยฉากซึ้งๆ เคล้าน้ำตา ซึ่งบางคนเลยบอกว่า "ไม่เห็นน่ากลัวเลย ออกจะซึ้ง" เอ้า ไหงเป็นงั้น เอาเป็นว่าลองไปพิสูจน์กันดูละกันนะครับ

      สำหรับข้อคิดของหนังเรื่องนี้ก็สอดแทรกไว้เยอะทีเดียวครับ อาทิเช่น ความรักของพ่อกับแม่ที่มีต่อลูก การสอนให้เป็นคนไม่ใจร้อนหรือด่วนสรุป(เห็นได้ชัดฉากสุดท้ายในตอนจบ)เหมือนตัวเอก ความอดทนอดกลั้นในการเผชิญกับปัญหา ความไว้เนื้อเชื้อใจในคนรัก ความสอดรู้สอดเห็นก็อาจนำภัยมาถึงตัวครับ เป็นต้นครับ

เกรดหนัง B+
ให้+ เพิ่มตรงฉากท้ายๆ ที่เล่นเอาผมตกใจจนศอกไปกระแทกเพื่อนผมที่นั่งข้างๆได้ - -''





ส่วนวันนี้ผมก็ต้องขอไปเปิดไฟรอบบ้าน เปิดทีวีเสียงดังๆ ก่อนนะครับ แอบหลอนกลับมา เดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอาคืนนี้  ฮ่าๆ แล้วพบกันใหม่ครับผม

1 ความคิดเห็น: