ไขปริศนา กับตำนานแห่งนาเนียร์ทั้ง 7 ภาค(ตอน1)

ไขก๊อก ตำนานแห่งนาร์เนีย (The Chronicles of Narnia)

   เชื่อว่าหลายๆคน คงรู้จักกับ "นาร์เนีย" กันนะครับ เพราะได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซี ถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไป 3 ภาคแล้ว สำหรับตำนานแห่งนาร์เนียนั้น มีที่มาที่ไปเป็นยังไง วันนี้จะพาไปรู้จักกับนาร์เนียกันครับ :)

   ตำนานแห่งนาร์เนียนั้นถูกสร้างมาจากหนังสือนวนิยาย เช่นเดียวกับหนังสุดฮิตในยุคนี้อย่าง Harry Potter แต่ทว่านาร์เนียนั้นถูกตีพิมพ์ในประเทศอังกฎษตั้งแต่ราว ค.ศ.1950 ก็ปาไปครึ่งศตวรรษเลยทีเดียวครับ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ ซี.เอส.ลูอิส  ตำนานแห่งนาเนียร์นั้นถูกนำมาเล่าเป็นนิทานก่อนนอนสำหรับชาวอังกฎษด้วยครับ(เอ่อ..เนื้อเรื่องมันชวนน่าหลับขนาดนั้นเชียว)

 

    สำหรับตัวหนังสือตำนานแห่งนาร์เนียนั้นมีด้วยกัน 7 เล่มครับ แต่ที่สร้างความสับสนให้ผู้อ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ก็คือ ลำดับก่อนหลังของหนังสือ เพราะผู้เขียนไม่ได้ระบุลำดับมาให้ และถ้าเราเรียงตามปี ค.ศ. ที่ผู้แต่งเขียน เนื้อเรื่องบางเล่มก็จะย้อนไปย้อนมา จนมีหลายๆสำนักพยายามมาเรียงใหม่เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเนื้อเรื่องง่ายขึ้นครับ มาดู 7 เล่มที่ว่ากันครับว่ามีอะไรบ้าง(มาถึงตอนนี้ก็นึกถึง Harry ที่เจ๊ เจเค ก็ดันทำให้มี 7 เล่มเหมือนกันซะด้วย ไม่รู้เป็นความเชื่อหรือเลขมงคลอะไรหรือป่าว- -'')

*เรียงลำดับตามผู้เขียนออกมาก่อน-หลัง

1)ตู้พิศวง

2)เจ้าชายแคสเปี้ยน

3)ผจญภัยโพ้นทะเล

4)เก้าอี้เงิน

5)อาชากับเด็กชาย

6)กำเนิดนาร์เนีย

7)อวสานการยุทธ

        แต่ตอนหลังทางสำนักพิมพ์ฮาร์เปอร์คอลลินส์จัดพิมพ์หนังสือชุดนี้ในอเมริกา ได้จัดลำดับใหม่ตามคำแนะนำของหลานชายผู้เขียน โดยให้มีลำดับดังนี้ กำเนิดนาร์เนีย, ตู้พิศวง, อาชากับเด็กชาย, เจ้าชายแคสเปี้ยน, ผจญภัยโพ้นทะเล, เก้าอี้เงิน, อวสานการยุทธ์ คำนำหนังสือฉบับแปลบอกว่าลำดับใหม่นี้เรียงตามเหตุการณ์ที่เกิดในเรื่อง เพื่อช่วยให้ผู้อ่านที่เป็นเด็กเข้าใจง่ายขึ้นครับ

   มาถึงตอนนี้หลายคนคงหลับไปแล้ว ฮ่าๆ ;p สำหรับตำนานแห่งนาร์เนียนั้น เชื่อว่าหลายคนที่เคยอ่านเวอร์ชั่นที่เป็นหนังสือมาก่อนจะรู้ว่ามันมี สเน่ห์อย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว อย่างตัวผมเองครั้งแรกที่ได้อ่าน ตอนนั้นอยู่มัธยมต้นได้(นึกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองแก๊แก่) เข้าไปในห้องสมุดกะจะไปหาหนังสือมาอ่านเล่นสักเล่มนึง ก็ไปคว้ามาเจอหนังสือปกบางๆเล่มสีดำ เขียนว่าตู้พิศวง ก็เลยหยิบขึ้นมาอ่านคร่าวๆ วินาทีนั้นจำได้ว่าเหมือนถูกมนต์สะกดอะไรบางอย่างให้วางไม่ลงกันเลยทีเดียว(เวอร์ไปป่าวนะ อิอิ) เลยตัดสินใจยืมมาอ่านซะเลย แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการติดตามนาร์เนียของผมครับ ยังไม่จบเท่านั้นนะครับ หลังจากผมอ่านเสร็จก็เลยไปบอกต่อให้น้องๆลองไปอ่านดู ก็ปรากฏว่า ติดกันงอมแงมเลยทีเดียว ฮ่าๆ อันนี้โทษใครไม่ได้ ต้องโทษที่หนังสือนั้นดีเกินไป ^^

    จากภาคแรกในภาพยนตร์นั้นถูกสร้างโดยอ้างอิงจากหนังสือเล่มแรกที่ผู้เขียนแต่งขึ้นมานั่นคือ ตู้พิศวง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจเนื้อเรื่องในส่วนนั้นไปแล้วบ้าง แต่ในปัจจุบันมีการเรียงหนังสือใหม่เพื่อให้เข้าใจและอ่านง่ายขึ้น โดยการนำหนังสือเล่มที่ 6 ที่ผู้แต่งเขียน นั่นก็คือ "กำเนิดนาร์เนีย(The Magician's Nephew)" มาไว้เป็นเล่มแรก แทนที่จะเป็นตู้พิศวง ซึ่งในตัวผมเองคิดว่ามันทำให้เราเข้าใจเรื่องราวนาร์เนียมากขึ้นจริงๆ แต่คงเพราะผู้เขียนตั้งใจจะเปิดเผยที่มาที่ไปและความลับบางอย่างแห่งนาร์เนียเลยเขียนเป็นเล่มท้ายๆก็เป็นได้

      ในตอนกำเนิดนาร์เนียนั้น เรียกว่าเป็นการกำเนิดจริงๆเพราะเรื่องราวในเล่มนี้จะเป็นการเล่าไปถึงตั้งแต่การที่อัสลานสร้างดินแดงแห่งนาร์เนียขึ้นมา(อ้อ ในเล่มนี้จะกล่าวไปถึงด้วยว่าอัสลานเป็นโอรสแห่งจักรพรรดิ์โพ้นทะเล นั่นแน่ หลายคนคงนึกถึงภาพยนตร์ภาค 3 ที่มีชื่อตอนว่าพจญภัยโพ้นทะเลขึ้นมาได้บ้างแล้วล่ะสิครับ) ในเนื้อเรื่องภาคปฐมบทนี้จะมีตัวเอกเป็นเด็ก 2 คนชื่อดิกอรี่และพอลลี่ ทั้งสองคนได้รับแหวนมาจากลุงแอนดรูว์ ซึ่งแหวนนี้มีพลังที่สามารถพาไปยังอีกโลกหนึ่งได้ แต่โลกแรกที่พวกเขาได้ไปนั้น ไม่ใช่นาร์เนีย แต่เป็นโลกที่มีแต่ความเลวร้ายและกำลังแตกดับ และที่นั่นพวกเขาก็ได้พบกับแม่มดขาวนามว่า จาดิส ราชินีแห่งนครชาร์นและได้นำกลับมาสู่โลกมนุษย์โดยไม่ได้ตั้งใจ การมาเยือนของแม่มดที่กรุงลอนดอนทำให้เกิดความวุ่นวายมากมายจึงต้องหาทางนำตัวกลับสู่โลกเดิม แต่ก็ไปโผล่นาร์เนียซึ่งเป็นดินแดงที่เพิ่งถูกสร้างโดยอัสลาน  โดยอัสลานได้ขอให้เด็กทั้ง 2 เสาะหาแอปเปิ้ลเงินมาปลูกเผื่อป้องกันเวทมนต์ของแม่มดขาว  ซึ่งภายหลังนั้นดิกอลี่ได้ขอผลแอปเปิ้ลเงินจากอัสลานเพื่อนำมาให้มาที่กำลังป่วยกิน และหลังจากนั้นเขาได้นำแกนแอปเปิ้ลฝังไว้ที่หลังบ้านจนเติบโตเป็นต้นแอลเปิ้ลที่สวยงามที่สุดในลอนดอน แต่ผลแอปเปิ้ลที่ได้นั้นเป็นเพียงผลธรรมดา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในแกนเนื้อไม้นั้นยังมีมนต์วิเศษอยู่ เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไปได้เกิดพายุจนต้นแอปเปิ้ลโค่นหัก ดิกกอรี่จึงได้นำต้นแอปเปิ้ลนั้นมาทำเป็นตู้เสื้อผ้า จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งปฐมบทตำนานแห่งนาร์เนียในตอน "ตู้พิศวง"

ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ถึง 3 ภาค

1)ตู้พิศวงในชื่อตอนว่า ราชสีห์ แม่มดและตู้พิศวง 

   ปฐมบทเล็กๆ ที่พี่น้องตระกูลพีเวนซี่ 4 คน (ปีเตอร์, ซูซาน, เอ็ดมันด์, ลูซี่) ได้บังเอิญเดินผ่านตู้เสื้อผ้าไปทะลุสู่อาณาจักรนาร์เนียและได้ช่วยกันกอบกู้นาเนียร์จากแม่มดขาวโดยได้รับความช่วยเหลือจากอัสลาน และภายหลังเด็กทั้งสี่ ก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นราชา ราชินีแห่งอาณาจักรนาร์เนีย และนั่นนับเป็นยุคที่อาณาจักรนาร์เนียยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งนาร์เนียหรือเรียกว่ายุคทองเลยก็ว่าได้ ^^

2. เจ้าชายแคสเปี้ยน

     เมื่อเหตุบังเอิญทำให้เด็กทั้ง 4 ได้กลับมาสู่นาร์เนียอีกครั้งแต่ครั้งนี้พวกเขาได้พบว่า ดินแดงแห่งนาร์เนียนั้นได้ผ่านมาถึง 1 พันปีนับจากที่พวกเขาเคยปกครอง ครั้งนี้พวกเขาทั้งสี่ได้ช่วยเจ้าชายแคสเปี้ยน ชาวเทลมารีน ผู้เป็นเจ้าของบัลลังค์แห่งนาร์เนียในยุคนั้น ชิงบังลังค์คืนมาจากพระราชามิราซผู้เป็นอาเขยที่แย่งบัลลังค์จากพ่อของเจ้าชายแคสเปี้ยนไปโดยความช่วยเหลือของอัสลาน

    ช่วงสุดท้ายของตอนนี้ ปีเตอร์และซูซานได้รับการบอกกล่าวจากอัสลานว่า ทั้งสองคนโตเกินกว่าจะเข้ามาในนาร์เนียได้อีกแล้ว

3.ผจญภัยโพ้นทะเล

   

  

      เอ็ดมันด์ และลูซี่ พรีเวนซี่ พร้อมกับยูซตาสลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาถูกดูดกลืนเข้าไปยังภาพวาด ถูกส่งกลับไปยังนาร์เนียและเรือดอว์น เทรดเดอร์อันงดงาม พวกเขาร่วมมือกับกษัตริย์แคสเปี้ยนและหนูนักรบผู้มีนามว่ารีพิชีป เพื่อภารกิจที่กุมชะตาแห่งนาร์เนียเอาไว้ เหล่านักเดินทางผู้กล้าผ่านพ้นสิ่งล่อตาล่อใจอันยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขาเดินทางไปยังเกาะลึกลับต่างๆ มีการเผชิญหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายกับสิ่งมีชีวิตแห่งเวทมนตร์ และเหล่าศัตรูผู้ชั่วร้าย รวมไปถึงการกลับมารวมตัวกับเพื่อนและผู้คุ้มกันของพวกเขาอย่าง “ราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่” อัสลาน

     !สำหรับภาคนี้เข้าฉาย 9 กันยายนนี้นะครับ 

Promotion ประจำเดือนนี้ของ Major: รับฟรี มินิโปสเตอร์ เมื่อซื้อบัตรล่วงหน้า The Chronicles of Narnia : The Voyage of The Dawn Treader ทุก 2 ที่นั่ง + น้ำอัดลม 1 แก้ว อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.majorcineplex.com/promotion_detail.php?pid=511

ตัวอย่าง นาร์เนีย 3:ผจญภัยโพ้นทะเล

 

    สำหรับเนื้อเรื่องแห่งนาร์เนียมีมนต์เสน่ห์ที่น่าติดตามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความขลังและน่าเกรงขามของสิงโตผู้สร้างนาร์เนียอย่างอัสลาน ดินแดนมหัศจรรย์ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะแผ่นดินนาร์เนียเท่านั้นยังมีอีกหลายอาณาจักรตั้งติดกับนาร์เนีย ความเชื่อมโยงระหว่างโลกความเป็นจริงกับดินแดงอีกโลกหนึ่งซึ่งอาจเรียกได้ว่าโลกคู่ขนาน เวทย์มนต์และความมหัศจรรย์ต่างๆในแต่ละภาคซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน และฉากสุดท้ายหรืออวสารแห่งนาร์เนีย ในเล่มจบ เชื่อได้ว่าหลายคนคงอึ้งกับตอนจบอย่างแน่นอนเพราะไม่ได้ Happy END เหมือนอย่าง Harry Potter แน่ๆครับ ในส่วนที่เหลือนี้ผมจะขอยกไปเขียนในตอนหน้า นะครับ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

th.wikipedia.org

By free2freelife.blogspot.com